รู้หรือไม่ ว่า เชื้อโคโรนาไวรัสทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกันภายในร่างกายของคนเรา โดยเฉพาะปอด ซึ่งไม่ต่างกับเชื้อ HIV เลย มาดูการทำงานและความอันตรายไปพร้อมกัน

เชื้อโคโรนาไวรัส หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ SARS-CoV-2 เป็นไวรัสที่มีการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว และง่ายได้มาก เพียงเราหากอยู่ใกล้กับผู้ติดเชื้อ หรือไปพื้นที่เสี่ยงและ เกิดสูดดมเชื้อโรคเข้าไป จากทาง ปาก หรือจมูก ก็สามารถติดเชื้อได้เลย และที่สำคัญเชื้อไวรัสนี้จะเข้าไปรุกรานเพื่อทำลายเซลล์ในปอดของเราเป็นหลัก
ทางองค์การอนามัยโลก ได้ออกมาอธิบายถึงการรุนรานเพื่อทำลายปอดของ SARS-CoV-2 นั้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
ระดับที่ 1 การเข้าไปรุกรานเซลล์โดยไวรัสโคโรนา
ในช่วงแรก ที่ติดเชื้อจะยังคงไม่มีการแสดงอาการใดๆ แต่อาจจะมีแสดงอาการทั่วไปเหมือนกับผู้เป็นไข้หวัด ต่อมาเชื้อกำลังค่อยๆกลายพันธุ์ (mutate) โดยการกลายพันธุ์ของเชื้อโคโรนาไวรัส ทางมหาวิทยาลัย Texas at Austin วิจัยพบว่า โปรตีนที่มีชื่อว่า spike protein หรือ S-protein ส่วนในประเทศจีน ก็วิจัยพบ angiotensin-converting enzyme 2 หรือ ACE2 โดยจากการวิจัยทั้ง 2 พบว่า คือส่วนหลักที่ทำให้เชื้อกลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อมันกลายพันธุ์มันจะเข้าไปทำลายเซลล์ของปอดประเภท Cilia และ mucus เป็นอันดับแรก
“ซึ่งในทางกลับกันหากนักวิจัย วิจัยถูกถึงการกลายพันธุ์ นั้นก็แปลว่าเราก็สามารถพัฒนาวัคซีนที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบภูมิคุ้มกันของเรารีบกัดการมันได้ก่อนที่จะเข้าไปทำลายเซลล์เรา ได้ง่ายยิ่งขึ้น”
ระดับที่ 2 ระบบภูมิคุ้มกันต่อต้านเพื่อจำกัดเชื้อไวรัส
เมื่อระบบภูมิคุ้มกันภายในตัวเรารับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อไวรัสที่เข้ามา ก็จะทำการต่อสู้กับเชื้อไวรัสให้หมด จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของเซลล์ปอดที่จะเข้ามาซ่อมแซมความเสียหาย
แต่ในกรณีของไวรัสชนิดนี้ เชื้อโคโรนาไวรัสทำร้ายภูมิคุ้มกันเราได้รวดเร็วกว่าที่ระบบภูมิคุ้มกันที่จะสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้าน นั้นก็จะทำให้มันเข้าไปทำลายเซลล์ไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ปอดเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น ท้ายที่สุด หากมีเศษเซลล์เข้าไปอุดตันปอดจำนวนมาก ซึงนำมาสู่ อาการปอดบวม นั้นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม บางคนอาจจะชนะเชื้อไวรัสนี้ได้ ก็ขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคลว่าใครมีภูมิคุ้มกันมากน้อยเพียงใด
ระดับที่ 3 เมื่อปอดถูกทำลายส่งผลให้ระบบหายใจล้มเหลวและอาจลามเพิ่มขึ้น
หากใครปล่อยให้เชื้อ ลามมาถึงขั้นนี้ ต้องบอกได้เลยนะว่าเข้าขั้น โคม่า แล้วนะ ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานผิดปกติ และอาจเกิดหัวใจล้มเหลว หากใครยังรอดแต่ก็รับรองได้เลยว่าปอดได้รับความเสียหายอย่างถาวร (permanent lung damage) แน่นอน
และเมื่อทำลายปอดสำเร็จเชื้อไวรัสจะเข้าไปทำลายส่วนอื่นๆ ในร่างกายเราต่อ ทำให้เกิดอาการอื่นๆเพิ่มได้ อาทิเช่น อาการความดันโลหิตลดลง, อาการไตวาย,อาการหัวใจหยุดเต้น เป็นต้น
จากการคาดการณ์ในทางวิทยาศาสตร์ ได้ระบุว่า การลามของไวรัสที่เข้าไปทำลายอวัยวะและระบบอื่นๆ ภายในร่างกาย อาจเป็นเพราะโคโรนาไวรัสกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันผลิตโปรตีน ที่เรียกว่า cytokines ที่มีหน้าที่เตือนภัยและรวมพลเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอม แต่อาจโดนสั่งให้ไปกำจัดระบบภายในร่างกายเราแทน จนทำให้ระบบและอวัยวะอื่นภายในร่างกายค่อยเสียหายจนหมดในท้ายที่สุด

บทความอื่น ที่คุณอาจสนใจ
- จากวิกฤต COVID-19 กำลังให้บทเรียนอะไรเรา ?
- วิธีแก้จิตตกกับสถานการณ์ Covid-19
- “Hand Sanitizer” อาวุธป้องกัน “Covid-19”
- รู้ทัน 6 โคโรนาไวรัส ที่กำลังรอเวลาแพร่ระบาด…
โคโรนาไวรัสทำร้ายภูมิคุ้มกัน เหมือนกับเชื้อ HIV ?

จากวงการแพทย์ พบว่าโคโรนาไวรัสทำร้ายภูมิคุ้มกันได้โดยตรง ซึ่งความสามารถนั้นเหมือนกับคนที่ติดเชื้อ HIV และในการทำลายเซลล์ ก็มีการทำงานที่เหมือนกัน คือทำลายระบบภูมิคุ้มกันเป็นอันดับแรก และใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มความสามารถในการทำลายเซลล์ต่างๆ โดยจากการชันสูตรผู้ป่วย Covid-19 พบว่าระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายจนหมด ส่วนความเสียหายของอวัยวะภายในก็เทียบเท่ากับโรคซาร์สและเอชไอวีรวมกัน

จากการขยายพันธุ์ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ นั้นส่งผลให้เราสามารถพัฒนาวัคซีนเพื่อสอนให้ระบบภูมิคุ้มกันรู้จักไวรัสโคโรนาได้อย่างรวดเร็วขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ในขั้นตอนการพัฒนาวัคซีนนั้นต้องใช้เวลาประมาณ 18 เดือนเป็นอย่างต่ำ จึงจะสามารถนำมาใช้งานได้จริง หรืออาจจะเร็วกว่านั้น หากเรามีคนที่มีภูมิคุ้มกันที่สามารถต่อต่านเชื้อไวรัสนี้ได้จริง
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :
https://www.prachachat.net/columns/news-439840
https://www.posttoday.com/world/620954
ทางเรามี 1 ผลิตภัณฑ์ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงที่เล็กกะทัดรัด และที่ลวดลายที่หรูหรา ที่สำคัญมีการใช้งานที่ง่ายๆ มาก เพียงแต่นำหัวน้ำยาใส่ก็สามารถสูบได้เลย ในทางกลับกัน บุหรี่ไฟฟ้า ต้องมีการทำลวด ใส่สำลี และหยดน้ำยา ถึงจะสามารถสูบได้ ทุกคนอ่านแล้วคิดว่ามันสะดวกและดีใช่ไหมล่ะผลิตภัณฑ์ที่เราจะแนะนำนั้นก็คือ “ RELX ” หากคุณกำลังมองหาวิธีการเลิกบุหรี่ หรือหาสิ่งทดแทน คุณห้ามพลาด RELX สามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน อย่ารอช้าลองเลย



และ เราขอนำเสนอ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในปี 2020
KARDINAL STICK POD



ด้วยความปราถนาดีจาก
: RELX
THAILAND
https://relxthailandclub.com/
: KARDINAL
STICK THAILAND
https://kardinalthailand.com/
#relx
#relxthailand
#สุขภาพที่ปลอดภัย
#Kwitsmoking
#ksThailand
#kardinalstick
#ks
#kardinalstickth
#เลิกบุหรี่
#นวัตกรรมช่วยเลิกบุหรี่
1,021 total views, 1 views today