การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้ผู้คนและเศรษฐกิจของประเทศไทศเกิดปัญหา แต่ทำไมจากวิกฤตนี้ถึงกลายเป็นครู ที่บทเรียนแก่นักลงทุนไทย เรามาทราบถึงเหตุผลไปด้วยกัน

วิกฤตครั้งนี้ทำให้ผู้คนเกิดความวิตกกังวลและมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอยู่ทุกวัน และที่สำคัญทำให้ระบบของเศรษฐกิจเกิดการสั่นคลอนและนั้นเป็นสิ่งทำให้นักลงทุนได้ทราบถึงจุดบกพร่องของอดีตที่ผ่านมา ในการเกิดวิกฤตนี้ ทำให้โลกเจอสิ่งที่เลวร้ายอย่างเดียว หรือเป็นโอกาสที่ให้ประเทศหรือนักลงทุน ได้ทราบถึงปัญหา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขและ พัฒนาให้พร้อมรับมือกับวิกฤตในอนาคตกันแน่ เราดู 10 ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเงินในประเทศไทยกัน

อ่านข่าว โควิด-19 เพิ่มเติมได้ที่ :
ทำไมต่างประเทศรณรงค์ไม่ควรใส่หน้ากากอนามัย?
CUREVAC ผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ใกล้สำเร็จ!!!
ETDA แนะนำผลิกวิกฤต Covid-19 ให้เป็นโอกาส
!!! โควิด-19 ไวรัสหยุดโลก !!!
COVID-19 อันตรายถึงชีวิต!!
10 ประเด็นสำคัญที่ “Covid-19” กำลังสอน “นักลงทุนไทย”

- ดูแลการเงินเสมอต้นนั้น…ไม่มี เป็นการเตือนสติในส่วนของการบริหารจัดการเงิน ที่นักลงทุนต้องหันกลับมาทบทวนอีกครั้ง เมื่อนักลงทุนบางส่วนที่ทำการลงทุนโดยปราศจากความเข้าใจในสินทรัพย์ที่ลงทุน เพียงเพื่อแสวงหากำไรจนทำให้สินทรัพย์บางส่วนต้องยอมให้ผู้อื่นดูแล จนเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดไว้ กลับทำให้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “ขาดทุน” บทความไม่เข้าใจ และไม่ได้วางแบบแผนเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด จึงสะท้อนให้เห็นถึงสัจธรรมที่ว่า “ไม่มีใครใส่ใจดูแลเงินของเราได้ดีเท่าตัวเราเอง”
- กระดุมเม็ดแรก หัวใจสำคัญก่อนลงทุน กระดุมเม็ดแรกที่กล่าวถึงนั้นก็คือ การคิดถึงจุดประสงค์ที่จะลงทุนอย่างชัดเจน หรือ การทำ “Investment Objective Setting : IOS” เพื่อเป้าหมายของการลงทุนที่สมเหตุสมผล โดยมี 3 ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนบางส่วนได้ละเลยไป คือ เราเสี่ยงแค่ไหน ,เงินลงทุนแบบไม่มีทุนต้องไม่กู้ ไม่เล่น Margin และต้องแน่ใจว่าเมื่อเราขาดเงิน ขายแล้วจะไม่ขาดทุน หรือขาดเพียงเพราะคนรอบข้างขายกัน
ดังนั้น กระดุมเม็ดแรกนี้สำคัญต่อความสำเร็จ ต้องตั้งใจทำ IOS ทำให้ดี “ก่อนลงทุน” เพราะความสำเร็จเกิดจากการเริ่มต้นที่ดีเสมอ

- ผลตอบแทนเป็นแค่พระรอง การเริ่มต้นลงทุน หลายคนมักตั้งผลตอบแทนที่คาดหวังก่อน แต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกคือ “ความสามารถในการรับความเสี่ยง (ability to take risk)” 1 ใน 6 ปัจจัยสำคัญในการทำ IOS ที่ต้องใส่ใจ อย่าปล่อยให้คนขายทำแทนและเราแค่ลงนาม เพราะนั้นเป็นการเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอีกระดับ อย่าลืมว่า ยิ่งเสี่ยงมาก ค่า Commission ยิ่งแพง คนซื้อโลภคนขายชอบ
- “Fooled by randomness” มีอยู่จริง ไม่ใช่นิยายปรำปรา ยกตัวอย่าง การซื้ออสังหริมทรัพย์ที่อังกฤษ แรกๆ ก็ถือว่าเป็นการลดความเสี่ยงได้ดี แต่ถ้าหากทุกคนทำเหมือนๆกัน สิ่งที่คิดว่าไม่มีความสัมพันธ์กัน (Random) ก็จะเริ่มมีความสัมพันธ์กัน เช่น เหตุการณ์โควิดในปัจจุบัน ที่ทำให้ทุก Asset classes ตกหมด
สรุปคือ เราถูกหลอกว่าเป็น Random ถ้าทุกคนทำเหมือนๆ กัน การกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง แต่อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว SET Index จึงลงแรงกว่าที่ควร

- ดอกเบี้ยลดตลาดตราสารหนี้ไม่กำไรเสมอไป การที่ต้องปิดกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศบางกองทุนที่ได้ลงทุนในหุ้นกู้ ที่เป็น Investment Grade ทั้งที่ทางการอเมริกา (Fed) ลดดอกเบี้ยเร็ว และแรง กองทุนตราสารหนี้ควรกำไรเยอะ แต่ Credit spread กลับวิ่งขึ้นมากกว่าการตกลงของ Treasury yield curve จึงทำให้มีการคาดการว่า โอกาสผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้จะเพิ่มสูงขึ้น นั้นทำให้คนซื้อหุ้นกู้เรียกร้องผล ตอบแทนจากคนขายหุ้นกู้สูงขึ้นมาก ราคาจึงต้องลดลงมากเพื่อให้คนซื้อได้ผลตอบแทนสูงตามที่เรียกร้อง มูลค่าหน่วยกองทุนจึงลดลงทั้งที่ดอกเบี้ยลงเร็ว และแรง กลับไม่ได้กำไร
- ไทยเสียอธิปไตยตลาดเงินตลาดทุนให้ต่างชาตินานแล้ว ปัญญา จรรยารุ่งโรจน์ ได้กล่าวไว้ว่า ต่างชาตินั้นมีความรู้ และได้เปรียบในส่วนของ ตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดอนุพันธ์ (Non deliverable IRS) โดยชาวต่างชาติมักโจมตีที่ตลาดทุน (ขายหุ้น ขายพันธบัตร) ซึ่งนั้นเป็นเพราะการที่เราปล่อยให้ต่างชาติทรงอิทธิพลกับตลาดเงิน ตลาดทุนมากเกินไป นานเกินไป ซ้ำร้ายต่างชาติยังได้รับสิทธิทางภาษี คือไม่เสียภาษีดอกเบี้ยหัก ณ ที่จ่ายจากพันธบัตรรัฐบาล ในขณะที่คนไทยกลับต้องเสียภาษี

- ตลาดตราสารหนี้ควรเป็นลูกเมียหลวง เนื่องด้วย ตราสารหนี้ คือ แหล่งลงทุนของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ตราหนี้จึงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศมากกว่าตลาดหุ้น แต่คนไทยหลายสิบล้านคนนิยมรายได้จากดอกเบี้ยนมากกว่าเงินปันผล จนทำให้มีคนเริ่มบ่นกันว่าซื้อพันธบัตรไม่ได้บ้าง จองหุ้นกู้ไม่ทันบ้าง ทั้งที่เราก็ไม่ได้ขาดเงินออม แต่ไปได้ไหมที่เราขาดสภาพคล่องของตลาดรองตราสารหนี้ หรือเป็นเพราะเรายังไม่ได้พัฒนาตลาดรองตราสารหนี้อย่างจริงจัง จึงทำให้ ธปท. ต้องเข้ามาช่วยซื้อตราสารหนี้ หากยิ่งปล่อยให้ตลาดแรกยิ่งโต (IPO) ตลาดรองตราสารหนี้ยิ่งสำคัญ ถ้าไม่ทำทุกวิกฤติการเงิน ธปท. คงต้องเหนื่อย
- หากรักสงบ จงเตรียมตลาดเงิน ตลาดทุน ให้พร้อมสรรพ การเตรียมพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ สังเกตุได้จาก ปัญหาที่เกิดขึ้นจากวิกฤต Covid-19 ฉะนั้นเราควรสร้างความพร้อมของตลาดเงิน ตลาดทุนในอนาคตให้เป็นรูปประธรรมมากขึ้น เพื่อให้เกิดความเสถียรภาพทางการเงินในประเทศ ดูแลค่าเงินบาทให้สอดคล้องกับดัชนีค่าเงินที่เหมาะสม และเป็นช่องทางให้ผู้ออมไทยกระจายความเสี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ

- รบพร้อมกันมัน(ส์)กว่า แบงก์ชาติต้องเป็นพี่เลี้ยง แบงก์ชาติได้รบกับนักเก็งกำไรค่าเงินต่างชาติตามลำพังมานาน จึงต้องอาศัยเงินออมชาติไทย เข้ามาเสริมทัพ เพิ่มความแข็งแกร่ง อาวุธใหม่ที่ต้องรีบสร้าง รบพร้อมกัน รบคู่ขนานกับยุทธศาสตร์อื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้
- ไทยกำลังอยู่ในสงครามรูปแบบใหม่ “การโจมตีค่าเงินอย่างเสรี” ที่ผ่านมาการโจมตีค่าเงินอย่างเสรีซ่อนตัวอยู่ในตลาดทุนไทยมานาน โดยไทยมักจะเริ่มต้นโจมตีที่ค่าเงิน และจบการโมตีค่าเงินที่ตลาดทุน ตลาดพันธบัตร ถึงเวลาแล้วที่เราต้องตระหนักรู้ว่าการโจมตีค่าเงินอย่างเสรีของมหาอำนาต “เป็นภัยต่อชาติ”
อ่านเพิ่มเติ่มได้ที่ :
10 เรื่องที่ครู ‘โควิด-19’ สอน ‘นักลงทุนไทย’
ทางเรามี 1 ผลิตภัณฑ์ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงที่เล็กกะทัดรัด และที่ลวดลายที่หรูหรา ที่สำคัญมีการใช้งานที่ง่ายๆ มาก เพียงแต่นำหัวน้ำยาใส่ก็สามารถสูบได้เลย ในทางกลับกัน บุหรี่ไฟฟ้า ต้องมีการทำลวด ใส่สำลี และหยดน้ำยา ถึงจะสามารถสูบได้ ทุกคนอ่านแล้วคิดว่ามันสะดวกและดีใช่ไหมล่ะผลิตภัณฑ์ที่เราจะแนะนำนั้นก็คือ “ RELX ” หากคุณกำลังมองหาวิธีการเลิกบุหรี่ หรือหาสิ่งทดแทน คุณห้ามพลาด RELX สามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน อย่ารอช้าลองเลย



และ เราขอนำเสนอ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในปี 2020
KARDINAL STICK POD



ด้วยความปราถนาดีจาก
: RELX
THAILAND
https://relxthailandclub.com/
: KARDINAL
STICK THAILAND
https://kardinalthailand.com/
#relx
#relxthailand
#สุขภาพที่ปลอดภัย
#Kwitsmoking
#ksThailand
#kardinalstick
#ks
#kardinalstickth
#เลิกบุหรี่
#นวัตกรรมช่วยเลิกบุหรี่
2,446 total views, 1 views today