นิโคตินในบุหรี่ อยู่ในร่างกายของเรานานแค่ไหน?

“นิโคติน” เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะอยู่กับเรานานเท่าไหร่? และอะไรคือต้นเหตุของการติดบุหรี่จริงหรือ?

เมื่อไหร่ที่ได้ยินคำว่า “นิโคติน” เราก็จะนึกถึงบุหรี่เป็นอย่างแรก และเพียงอย่างเดียวเท่านั้น! แล้วเรารู้จักกันมากแค่ไหนว่า เมื่อสาร นิโคตินในบุหรี่ เข้าสู่ร่างกายเราไปแล้ว มันจะอยู่กับเรานานเท่าไหร่? และนิโคตินคือสาเหตุของการติดบุหรี่จริงหรือ?

“สารนิโคติน” ไม่ได้อยู่แค่ในกระแสเลือดและปัสสาวะ

ทันทีที่เราสูบบุหรี่เข้าไป อย่างที่รู้กันเบื้องต้นว่าจะตรวจพบสาร นิโคตินในบุหรี่ ได้จากกระแสเลือด และปัสสาวะ แต่ความเป็นจริงแล้วนิโคตินสามารถกระจายเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่านั้น โดยทางการแพทย์ตรวจสอบพบดังนี้

• กระแสเลือด – นิโคตินจะอยู่ในกระแสเลือดตั้งแต่วันแรกที่เราได้รับ และอยู่ได้นานถึง 3 วัน แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นโคตินิน สารนี้จะอยู่ในกระแสเลือดนานถึง 10 วัน และจะค่อยๆ เจือจางลงไปเรื่อย ๆ

• ปัสสาวะ – ทั้งสารนิโคตินและโคตินิน สามารถตรวจพบได้ในปัสสาวะภายใน 3 – 4 วัน ทั้งนี้ขึ้นกับตัวบุคคลที่ได้รับสาร แต่ผู้ที่ได้รับควันจากบุหรี่โดยไม่ได้สูบเอง(บุหรี่มือสอง) กลับพบสารนี้ในปัสสาวะนานกว่าถึง 20 วัน

• น้ำลาย – โคตินินอยู่ในน้ำลายได้นานกว่านิโคติน และอยู่ได้มากกว่า 10 ชม. จนถึง 2 – 4 วัน

• เส้นผม – นิโคตินที่ถูกเปลี่ยนเป็นโคตินินจะถูกเลือดพาไปยังเนื้อเยื่อของอวัยวะทั่วร่างกาย รวมทั้งฝังลึกถึงเนื้อในของเส้นผม โดนส่วนใหญ่จะถูกพบมากที่สุดในบรรดาเด็กและผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ และอยู่นานถึง 30 วัน

นิโคตินไม่ใช่ผู้ร้ายในบุหรี่

คนส่วนมากมักจะมีความเชื่อถึงภัยอันตรายจากบุหรี่ว่า “บุหรี่อันตรายเพราะมีนิโคติน” ที่สามารถทำร้ายอวัยวะต่างๆ ของผู้สูบบุหรี่ แต่ความเป็นจริงแล้ว นิโคตินในบุหรี่ ไม่ใช่สารต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ ฯลฯ แต่มาจากสารอื่นๆ กว่า 6,000 ชนิด ที่อยู่ในมวนบุหรี่ต่างหาก และเมื่อเกิดการเผาไหม้จึงทำให้เกิดสารก่อมะเร็งต่างๆ

นิโคตินในบุหรี่ ไม่ใช่สารที่ก่อให้เกิดโรค เป็นเพียงสารที่ทำให้คนเสพติดอยากกลับไปสูบบุหรี่ เหมือนในบทความ ‘เลิกบุหรี่แบบหักดิบ ดีจริงหรือคิดไปเอง?’ ที่มีเนื้อหาบางส่วนบอกไว้ว่า “คนสูบบุหรี่ไม่ได้ติดบุหรี่ แค่ติดนิโคติน” และติดจากบุหรี่มากที่สุด เพราะสารนิโคตินยังอยู่ในรูปแบบอื่นๆ แต่ติดน้อยกว่า เช่น ยาพ่นจมูก, ยาดม, แผ่นแปะผิวหนัง และ หมากฝรั่ง ซึ่ง 2 แบบหลังใช้สำหรับรักษาผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่

ส่วนสารที่ทำร้ายร่างกายที่แท้จริง ได้แก่ ทาร์(Tar) หรือน้ำมันดิน, คาร์บอนมอนอกไซด์, ไฮโดรเจนออกไซด์, ไนโตรเจนออกไซด์, แอมโมเนีย, ไซยาไนด์, ฟอร์มาล์ดีไฮด์ และสารอีกจำนวนมากที่อยู่ในมวนบุหรี่

ส่วนในบุหรี่ไฟฟ้า ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักสูบโดยเฉพาะผู้ที่กำลังหาทางเลิกบุหรี่ ได้มีผลวิจัยมาจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของอังกฤษว่า ถึงแม้บุหรี่ไฟฟ้าจะมีสารนิโคติน แต่ก็มีความปลอดภัยกว่าบุหรี่ปกติถึง 95% เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีกระบวนการเผาไหม้ จึงไม่ทำให้เกิดสารทาร์(Tar) ที่เป็นตัวการสำคัญของมะเร็งปอด และโรคต่าง ๆ ที่ตามมาจากบุหรี่ และกว่า 90% ของผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวช่วยเลิกบุหรี่ปกติก็สามารถเลิกได้จริง และเมื่อลองได้กลับทำสูบบุหรี่ปกติอีกครั้ง คนเหล่านี้จะไม่สามารถสูบได้อีกเพราะกลิ่นควันของบุหรี่ เพราะฉะนั้นแล้ว ภัยร้ายตัวจริงที่อยู่ในบุหรี่ไม่ใช่นิโคตินแต่เป็นสารทาร์(Tar)

การทำงานของสารนิโคติน(Nicotine) จริงๆ แล้วอาจมีความคล้ายคลึงกับกาเฟอีน(Caffeine) เสียด้วยซ้ำ ที่ทำให้ร่างกายตื่นตัว และเกิดเสพติดถ้าใช้ในปริมาณที่มาก แต่ไม่ได้มีผลจะทำให้เกิดมะเร็งปอดแต่อย่างใด แต่เป็นสารพิษจากการเผาไหม้ของบุหรี่มวนต่างหาก ที่สะสมอยู่ในร่างกายแทน อีกทั้งนิโคตินยังถูกนำมาเป็นอีกหนึ่งวิธีเลิกบุหรี่ เพียงแค่ต้องใช้ให้ถูกวิธีพร้อมกับทำความเข้าใจให้ถี่ถ้วนเท่านั้นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4843405/
https://www.lung.org/stop-smoking/smoking-facts/health-effects-of-smoking.html
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2928221/

บทความอื่น ที่คุณอาจสนใจ

ทางเรามี 1 ผลิตภัณฑ์ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงที่เล็กกะทัดรัด และที่ลวดลายที่หรูหรา ที่สำคัญมีการใช้งานที่ง่ายๆ มาก เพียงแต่นำหัวน้ำยาใส่ก็สามารถสูบได้เลย ในทางกลับกัน บุหรี่ไฟฟ้า ต้องมีการทำลวด ใส่สำลี และหยดน้ำยา ถึงจะสามารถสูบได้ ทุกคนอ่านแล้วคิดว่ามันสะดวกและดีใช่ไหมล่ะผลิตภัณฑ์ที่เราจะแนะนำนั้นก็คือ “ RELX ” หากคุณกำลังมองหาวิธีการเลิกบุหรี่ หรือหาสิ่งทดแทน คุณห้ามพลาด RELX สามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน อย่ารอช้าลองเลย